SNOWPIERCER ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง หนังสะท้อนสังคมดัดแปลงจากนิยายสเปน
SNOWPIERCER ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง หนังสะท้อนสังคมดัดแปลงจากนิยายสเปน

SNOWPIERCER กับ PARASSIDE แตกต่างกันอย่างไร ?
SNOWPIERCER ผู้กำกับสัญชาติเกาหลี บง ซุน โฮ ที่เพิ่งได้เข้ารับรางวัลออสก้าไปหมวด ๆ สำหรับหนังเรื่อง parasite คนชั้นปรสิต และนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้าเองนั้น ได้ทำหนังแนวเสียดสีสังคม ชีวิต และความเป็นอยู่ของคน โดยหนังได้เล่าถึงความเป็นอยู่ของคนจน ที่ดำรงชีวิตอยู่ในระบอบทุนนิยม และผลงานของเขานั้นเองทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่างของชนชั้น และในแต่ละมุมมอง ผละผลงานแนว แฟนตาซี ของปี 2013 ภาพยนต์สัญชาติอังกฤษเรื่องแรกของ บง ซุน โฮ Rush โดนตัวเนื้อหาของเรื่องนั้น ได้ดัดแปลงมาจากเรื่อง LE Transperceneige ที่เป็นบทประพันธ์ของ Jacques Lob เป็นหนังสือการ์ตูนสัญชาติฝรั่งเศษในปี 1982 โดยผู้กำกับคิดว่า แรงบันดาลใจจากเรื่องนี้ เป็นการมองเห็นถึงความแตกต่าง และเหมาะจะนำมาสร้างเป็นภาพยนต์ โดยเรื่องราวของเรื่องนี้ Snowpiercer เป็นเรื่องราวของ สิบเจ็ดปีให้หลัง ที่ เจ็ดสิบเก้าประเทศทั่วโลกนั้น ร่วมมือยั้บยั้ง ภาวะวิกฤติโลกร้อน ทั่วโลกจึงสร้างสารชนิดหนึ่งที่สร้างความเย็นให้กับบรรยากาศ
หนังแนวเอาชีวิตรอด กับเรื่องราวที่เปรียบรถไฟ เป็นเสมือนโลกทั้งใบ ที่อยู่รวมกับแบบ แบ่งชนชั้น
สารชนิดให้ความเย็นมีชื่อเรียกว่า CW-7 โดยปล่อยสารชนิดนี้เข้าสู่ ชั้นบรรยากาศของโลก เมื่อทำการปล่อยสารประดิษฐ์ ชนิดนี้เข้าสู่ชั้นบรรยาการ ไม่นานก็ทำให้โลกเข้าขั้นวิกฤษเพราะทั้งโลกถูกแช่แข็งเอาไว้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่รอดได้ และมีกลุ่มคนส่วนหนึ่งได้ขึ้นรถไฟ Money Heist ซึ่งเรียกว่า กลุ่มผู้รอดชีวิตรุ่นสุดท้าย ที่ใช้ทั้งชีวิตหลังจากนี้เดินทาง อย่างไม่มีจุดหมายรอบโลกไปเรื่อย ๆ แต่ในรถไฟไม่ได้ถูกปรนนิบัติอย่างเท่าเทียม โดยคยที่อยู่ชนชั้นสูงจะอยู่ตู้หน้า และคนชั้นชนล่างจะอยู่ท้ายขบวน โดยใช้ชีวิตอยากอด ๆ อยาก ๆ อย่างนี้ทุกวัน snowpiercer netflix ไม่มีวันจะผลักดันตัวเองไปเป็นชนชั้นสูงได้ CURTIS คือชายคนหนึ่งที่อยู่ชนชั้นล่าง และอยู่ท้ายขบวนรถไฟ โดยเข้าเฝ้าคอยเวลาที่จะทำการปฏิวัติรถไฟ ขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ไปถึงโบกี้ที่สามารถควบคุมเครื่องจักได้ หนัง แนว Snowpiercer และพยายามเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองแบบที่เป็นอยู่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่บนรถไฟ ทำการกดขี่ บีบให้กลุ่มท้ายขบวนนั้นอย่างไม่เป็นธรรม กับบุคคลที่ถูกฝังความคิดรากฐานว่า WILFORD STORY เจ้าของขบวนรถไฟแห่งนี้ เป็นหนี้บุคคุณเราโดยผู้คนในรถไฟนั้น ต่างถูกปลูกฝั่งให้เขานั้น เป็นเหมือนเทพเจ้า และมองรถไฟที่เดินทางรอบโลกอย่างไม่มีจุหมาย เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะรถไฟขบวนนี้เปรียบเสมือนสิ่งที่กั้นความหนาวเหน็บและทำให้มีชีวิตอยู่รอด
หนังดีบอกต่อ การมุ่งหน้าเข้าสู่การปฏิวัติ เพื่อความอยู่รอด เพื่อความเป็นธรรม สอดแทรกข้อคิด ผ่าตัวละครอย่างไร ?
เคอดิส ชายหนุ่มท้ายขบวน ที่ทำการปฏิวัติ ความเป็นทำในรถไฟนี้ มุ่งหน้าสู่หัวขบวน ทำให้เขาได้พบกับความจริงที่หน้าหดหู่ เพราะ โบกี้รถไฟที่ได้เดินผ่านไปมา เปรียบเสมือนโลกอีกใบที่เขาเคยอยู่ (ท้ายขบวน) เพราะมีทุกอย่าง มีทั้งความสดใจ และความเป็นอยู่แตกต่าง จากที่เขาได้เติบโตมา อย่างสิ้นเชิง ที่ปล่อยให้เขานอน รอความตายเสียมากกว่า โดยผู้กำกับมากฝีมือ อย่าง บง ซุน โฮ ได้สอดแทรกการเหลื่อมล้ำในสังคม ผ่านรูปภาพได้อย่างเข้มข้น เพราะความจริงแล้วนั้น snowpiercerมาวันไหน ทุกคนในรถไฟแห่งนี้ ล้วนแต่เปรียบ เสมือนนักโทษ ในระบอบทุนนิยมนั้นเอง เพราะคนชั้นบน ก็ถูกกระทำเช่นเขา แต่เป็นการทำให้หลงไปกับสิ่งที่ เขาได้จัดเตรียมมาให้ อยู่กับสิ่งเดิม ๆ คือการใช้ชีวิตแบบเสวยสุขไปวัน ๆ นั้นเอง และเมื่อ เคอทิสได้ก้าวเข้าสู่ หน้าขบวนแล้ว ก็ได้พบกับ วิวเฟิด เจ้าของรถไฟ เจ้าของความคิด หรือเทพเจ้าในความคิดของคนในรถไฟ และเค้าก็ได้มาพบความจริง ที่ต้องเข้าใจว่า ตัวเขาเองนั้นคือความจริงที่ว่า เค้าเป็นเพียงชิ้นส่วน เครื่องจักรส่วนหนึ่ง ของระบบนี้นั้นเอง แต่ความจริงแล้วนั้น คล้ายกับการ หักมุมของหนัง เพราะวิวเฟิดนั้น คือผู้อยู่เบื้องหลัง ในการที่ทำให้เคอติส ทำการปฏิวัติ เพื่อผลลัพธ์ในการกำจัดประชากรในรถไฟ ไม่ให้มากเกินไป
SNOWPIERCER รถไฟแห่งชนชั้น เรื่องราวเสียดสีความเป็นอยู่ในสังคม เป็นอย่างไร ?
เพราะสิ่งที่ วิลเฟิดคิดนั้น ก็เพื่อสิ่งเดียวนั้นก็คือ การรักษาสมดุล ในการรใช้ชีวิตอยู่บนรถไฟ เพราะทุกอย่างในนี้ ล้วนอยู่เหนือกฏธรรมชาติ เพราะธรรมชาติ ไม่สามารถคัดสรรค์ คนที่อยู่ ในวิธีการแหกกฏธรรมชาติได้ นั้นคือบนรถไฟ โดยทางออกของเขานั้นก็คือ การปลุกระดมให้คนแต่ละชนชั้นนั้น ทำลายล้างกันเอง ทำให้เคอติสรู้สึกสิ้นหวัง เพราะถูกใช้เป็นหมาก ในเกมของเขานั้นเอง และเพราะตัวเขาเองไม่สามารถทำให้ระบบ เปลี่ยนแปลงตามที่เขาเคยคิดได้ แต่สิ่งที่เขาทำได้นั้นก็คือ การขึ้นเป็นผู้นำแทน วิลเฟิด เพื่อขับเคลื่อนความสมดุล เข้าสู่ระบบดุลยภาพ กันต่อไป Justice League
ความสิ้นหวังของผู้เปลี่ยนแปลง นั้นคือไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ การตัดสินใจเลือกครั้งใหญ่ในหนังสะท้อนกฏระเบียบอย่างไร ?
รถไฟ SNOWPIERCER เปรียบเสมือนโลก และทุก ๆ คน เป็นเสมือนมนุษยชาติ ผู้นำเปรียบเสมือนธรรมชาติ หากไร้ผู้นำ ก็ทำให้เกิดการกัดกินกันเอง โดย SNOWPIERCER ไม่แตกต่างจาก PARSIDE เลยเพราะตัวเอก snowpiercerข้อคิด ก็หวังว่าสักวันเค้า จะได้รวยเหมือนคนอื่นเขาบ้าง อยากมีเงินเก็บ อยากซื้อบ้านหรู ๆ เพื่อให้ครอบครัวได้ลืมตาอ้าปากขึ้นได้ และความคล้ายคลึงของหนังเรื่องนี้ ก็ไม่มีความแตกต่างกันเลยจาก SNOWPIERCER เพราะเขาก็ต้องการ เปลี่ยนแปลงเพื่อ ชีวิตความเป็นอยู่ ที่ดีขึ้นถ้าระบบมันไม่ดี จะทนอยู่กับมันไปทำไม ? ข้อคิดของหนังเรื่องนี้ เสียดสีทางสังคมอย่างชัดเจน
หนังตีแผ่ความจริง หนังเสียดสีสังคม สอดแทรกความเป็นอยู่และหลังจากทำการอุดมคติจะเกิดอะไรขึ้น ?
ภายหลังจากการที่เคอติสนั้น สู้อย่างไม่ถดถอย กับความเชื่อมั่นของเขาว่า จะเปลี่ยนระบบทุนนิยม ภายในรถไฟนี้ไปให้ได้ และทางเลือกระวาง การเป็นผู้นำใหม่บนรถไฟแห่งนี้ ที่ทำให้เขาได้ทุกอย่าง เหนือทุกคน ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ขบวนหัว โบกี้ที่ 1 ทำให้เขามีอำนาจในการตัดสินใจ และหากเป็นเค้าละ เค้าจะจัดการกับประชากรในรถไฟที่มีมากแบบได้อย่างไรกัน ? คำถามเริ่มเขามาในหัเคอติส และทำให้เค้านั้น หนังน่าดู netflix 2020 คิดไม่ตกกับเหตการณ์นี้ และอีกทางเลือกหนึ่งนั้นก็คือ การที่เค้ายังยึดมั่นกับระบบเดิมที่เขาคิดจะเปลี่ยนมันละ เค้าจะเลือกอะไร และสิ่งสุดท้ายที่เขาได้เลือกนั้นก็คือ การทำลายระบบทุนนิยมนี้ซะ เค้าได้ให้คนในกลุ่มของเขานั้นทำการระเบิดรถไฟ ทำให้รถไฟตกราง นำไปไปถึงจนสิ้นสุดของคุกบทรถไฟแห่งนี้นั้นเอง เมื่อรถไฟตกราง ทำให้เค้าได้ออกมานอกรถไฟ หละงจากใช้ชวีิตมานานถึง 16 ปี ในรถไฟ San Andreas ถึงจะมีจุดจบที่ว่า เคอติสนั้นทำการปฏิวัติ ทำลายล้างระบบทุนนิยมสำเร็จ ด้วยการระเบิดรถไฟ แต่หนังได้ให้ข้อคิดว่า หลังจากที่ เคอติสทำลายระบบทุนนิยมได้แล้วนั้น จะมั่นใจได้อย่างไร ว่าชีวิตที่ไม่มีระบบความเหลื่อมล้ำ จะอยู่ได้รอดได้จริง ๆ มั่นใจได้อย่างไรว่า การทำลายล้างระบบที่มีอยู่แล้ว จะนำไปสู่ระบบที่ดีกว่าจริง ๆ หนังให้ข้อคิดที่ว่า ระบบที่เป็นอยู่ที่คิดว่าไม่ดี มันดีกว่าที่จะทำลายล้างหรือไม่ ซึ่งมองง่าย ๆ นั้นคล้ายกับ ปัญหาโลกแตกที่ว่า เราไม่มีทางรู้ถ้าเรา ไม่ได้เผชิญ