แสงกระสือ – Inhuman Kiss


เรื่องย่อหนัง

หนัง Saeng-Krasue หรือชื่อไทยว่า แสงกระสือ จำ “จูบแรก” ของคุณได้ไหม? เด็กสาวแรกรุ่นในหมู่บ้านอันห่างไกล ค้นพบว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ใช่มนุษย์เหมือนคนอื่น แต่สืบเชื้อสายมาจากเผ่าพันธุ์เก่าแก่ในตำนานที่ถ่ายทอดกันผ่านทางน้ำลาย มีเพียงเด็กหนุ่มคนเดียวในหมู่บ้านที่รู้ความจริง และพยายามปกป้องเธอจากการไล่ล่าของชาวบ้านที่หวาดกลัวผีกระสือ ความใกล้ชิดของทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นความรัก ขณะที่อสูรกายอีกสายพันธุ์หนึ่งก็ต้องการหัวใจของเธอเพื่อความเป็นอมตะ หนทางที่เธอจะอยู่รอดคือหนีออกจากหมู่บ้าน หรือการเผชิญหน้ากับศัตรูที่ตามล่า… แล้วเขาจะปกป้องเธอได้หรือไม่ นำโดย “โอบ” โอบนิธิ “มินนี่” ภัณฑิรา “เกรท” สพล “เอ็ม” สุรศักดิ์ กำกับภาพยนตร์ โดย “โดม” สิทธิศิริ 1 ในผู้กำกับ Last Summer ฤดูร้อนนั้น ฉันตาย #แสงกระสือ #InhumanKiss 14 มีนาคมนี้ที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์

รีวิว
ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นวันครบรอบกระสือไทยหรืออย่างไร ถึงได้มีหนังกระสือเข้าติดๆ กันถึงสองเรื่องเลยทีเดียว นั่นคือเรื่องนี้ “แสงกระสือ” และอีกเรื่อง “กระสือสยาม” ซึ่งการโปรโมทต่างกันอย่างเห็นได้ชัด จะเห็นได้ว่า กระสือสยามโปรโมทได้เยอะมาก อาจจะเพราะได้ มิวนิค BNK ในใจก็เลยหวั่นๆ ว่าเรื่องแสงกระสือกระแสเงียบๆ อาจจะเป็ยแค่หนังผีธรรมดาเรื่องนึง แต่พอได้ดูแล้วน่าปรบมือให้กับหนังไทยเรื่องนี้จริงๆ

หนังจะบอกเล่าเรื่องราวแบบคลาสสิคเกี่ยวกับกระสือเหมือนที่เราคุ้นเคยกัน กับเรื่องราวที่มีไก่ วัว ควาย โดนกระสือกิน มีกระสือในหมู่บ้าน คนออกตามล่าหาความจริง แต่มันเพิ่มเติมมาด้วยความโรแมนติคกับเรื่องราวความรักต่างเผ่าพันธุ์ระหว่างกระสือกับมนุษย์ ที่ถึงแม้จะคลาสสิคแต่ก็ยังมีความร่วมสมัยเข้ามาด้วย

สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดคือมีความกล้าที่จะแหก แหวกความเป็นหนังผีที่เคยมีมา ด้วยการนำเอาเรื่องความรักสามเศร้า ความรักต่างเผ่าพันธุ์ เข้ามาปนกับหนังผี ที่ฉากโรแมนติคไม่ได้หวานจนเลี่ยน ใส่มาแบบพอดิบพอดี และทำได้ดีมาก ดีใจที่หนังเป็นแนวนี้ ไม่ใช่เอะอะก็จะทำแต่หนังผีตุ้งแช่อย่างเดียว ถ้ามันทำออกมาเป็นแนวนั้นมันก็คงน่าเอือมไม่ใช่น้อย และยังมีฉากท้ายๆ เรื่องที่แบบ ถ้าใครได้ดูแล้วต้องอุทานเหมือนเราแน่ๆ “เห้ย” ตกใจในความกล้าทำ กล้าเล่น และมันออกมาดีด้วย! นับว่าเจ๋งมากจริงๆ บวกกับซาวด์ประกอบที่ทำออกมาได้โคตรดีตลอดทั้งเรื่องเลย

ลืมหนังกระสือเก่าๆ ที่เคยดูไปได้เลย หนังไม่ได้เสียเวลาเล่าเรื่องต้นกำเนิดของกระสืออย่างที่ผ่านๆ มา ไม่ได้น่ากลัว หนังดำเนินเรื่องให้คนดูสนใจและน่าติดตาม มีปริศนาให้ขบคิดนิดหน่อยอยู่ตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่ดำเนินเรื่องเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และจังหวะหนังดีมาก หนังฉลาดที่ไม่ต้องให้คนดูเสียเวลาเดาให้ยากว่าใครเป็นกระสือ มันไม่ได้โฟกัสที่การตามหาตัวจริงว่า “กระสือเป็นใคร” แต่จะเน้นหนักไปพาร์ทดราม่ามากกว่าว่าจะ “ใช้ชีวิตยังไงในฐานะกระสือ” พร้อมๆ ไปกับเรื่องราวความรักสามเศร้า ที่ก่อนดูก็คิดนะว่าหนังจะทำยังไงให้เราอินกับเรื่องราวความรักของคนกับกระสือ แต่หนังมันทำได้! ถึงแม้หนังจะมีซัพพล็อตเยอะ แต่ก็แบ่งสัดส่วนมาได้พอดี มีน้ำหนักกับทุกส่วนที่หนังใส่มาได้ลงตัวสุดๆ อีกทั้งบรรยากาศในเรื่องนี้มีเสน่ห์มาก ทั้งการจัดไฟ แสง สี เรียกได้ว่าคุมโทนและมูดของหนังได้เป็นอย่างดี

ทางด้านการแสดงต้องปรบมือให้ทั้ง 3 นักแสดงเลย โอบ-โอบนิธิ ในบทของ น้อย ที่ต้องบอกว่าการของเขายอดเยี่ยมจริงๆ ดูเป็นธรรมชาติ และซีนดราม่าก็แสดงออกมาได้ถึงเช่นกัน ตามมาด้วย เกรท-สพล ในบทของ เจิด ก็เล่นได้ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน ที่สำคัญ มินนี่-ภัณฑิรา ในบทของ สาย ที่นอกจากการแสดงที่ยอดเยี่ยมในทุกส่วนของเธอแล้ว เธอยังเป็นกระสือที่น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกถึงมากที่สุด อีกทั้งเรื่องนี้ยังรายล้อมไปด้วยนักแสดงที่เล่นดีกันทุกคนเลยจริงๆ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม หนังยังมีบางจุดที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้างกับบางเหตุการณ์ในหนัง และถึงแม้ CG โดยรวมจะดูดี แต่ก็มีบางฉากที่ยังไม่เนียน และดูลอยมากๆ อยู่เหมือนกัน

สรุปแล้ว แสงกระสือ เราชอบเลยแหละ เป็นหนังผีไทยเรื่องนึงที่น่าประทับใจ และไม่ผิดหวังเลย ชอบในความกล้าเล่น กล้าคิด กล้าทำ ของเรื่องนี้มาก หมายรวมไปถึงซาวด์ประกอบที่ยอดเยี่ยมด้วย อยากให้ลองไปดูกันนะครับ หนังไทยไม่ได้แย่เสมอไปนะ