รีวิว The Hunt เกมล่า คนบ้าคลั่ง


พล็อตเรื่องแนวเกมแมวไล่จับหนู ถือเป็นโครงสร้างที่สามารถสร้างความระทึกให้กับผู้ชมได้อย่างไม่ยากเย็น แถมไม่ว่าเราจะเลือกเชียร์ฝั่งตัวเองหรือผู้ร้าย ก็ได้รับอรรถรสไม่แพ้กัน The Hunt คือหนังจากบลัมเฮาส์ โปรดักชั่นส์ ผู้สร้างแฟรนไชส์ The Purge และ Get Out ที่การันตีความโหดและตื่นเต้น แบบที่คุณกำลังมองหา

The Hunt เล่าเรื่องราวของคนแปลกหน้า 12 คนที่ตื่นขึ้นมากลางป่าในสภาพงุนงงและไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนของโลก ระหว่างที่กำลังตั้งคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ เมื่อพวกเขาเริ่มเดินออกสำรวจบริเวณพื้นที่โดยรอบ กลับพบว่ากลางลานกว้างที่เนินหญ้าขนาดใหญ่มีกล่องลังไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่อย่างปริศนา ชายแปลกหน้าคนหนึ่งตัดสินใจวิ่งไปแงะกล่อง ท่ามกลางความหวาดกลัวของคนอื่นๆที่เหลือ ไม่นานนักเมื่อสิ่งในกล่องปรากฏขึ้น พวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อสิ่งที่ถูกบรรจุอยู่ด้านในคืออาวุธหลากหลายรูปแบบ ทันทีที่พวกเขาเริ่มจับอาวุธห่ากระสุนก็เริ่มปริศนาก็เริ่มจู่โจมพวกเขา

ความยียวนกวนประสาทของผู้กำกับเคร็ก โซเบล จาก Z for Zachariah และ The Leftovers คือการนำบรรดาดาราที่จัดได้ว่ามีชื่อเสียงพอสมควรมาเป็น “เหยื่อ” ถูกเชือดกันตั้งแต่รายแรก อาทิ เอ็มมา โรเบิร์ต, ดีน เจ เวส, ไอค์ บารินฮอลท์ส แล้วหนังอาศัยวิธีการใช้กล้องหลักจับโฟกัสการหนีตายของพวกเขาจนกระทั่งสิ้นลมหายใจ ก่อนจะสลับกล้องไปนักแสดงคนอื่น ไปเรื่อยๆจนกว่าที่คนดูจะรู้ตัวจริงๆแล้วดาราชื่อดังเหล่านี้เป็นแค่ตัวประกอบ เพราะนักแสดงหลักที่แท้จริงคือ คริสตัล (เบ็ตตี้ กิลพิน) อดีตนาวิกโยธินหญิงที่เชี่ยวชาญด้านการรบ

ระหว่างเอาตัวรอดเธอก็ค้นพบความจริงว่า คริสตัลอยู่ท่ามกลางเกมล่ามนุษย์ของเหล่าชนชั้นสูงในสังคมที่เล่นสนุกกับการเอาคนเป็นๆมาฆ่าเล่น แต่เมื่อเธอไม่ยอมจะตกเป็นเหยื่อ เธอเลยสวนกลับเหล่าคนรวยด้วยการตามฆ่าพวกเขากลับทีละคน จนค้นพบว่าจริงๆแล้วกิจกรรมป่าเถื่อนครั้งนี้เป็นการวางแผนของหญิงลึกลับอย่าง (ฮิลารี่ สแวงค์)  ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด

ท่าทีของ The Hunt ไม่ได้เน้นความโหดเถื่อนแต่เพียงอย่างเดียว ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องแบบตลกร้ายและยังคงเสียดสีเรื่องระบบการเมืองและชนชั้นอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะซีเควนซ์ในช่วงท้ายเรื่องที่เป็นการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างหญิงลึกลับและคริสตัลที่ตีรันฟันแทงชนิดไม่มีใครยอมใคร อีกทั้งหนังยังเอ่ยอ้างถึงวรรณกรรมเรื่องดังอย่าง Animal Farm ของจอร์จ ออร์เวล ซึ่งมีแนวคิดว่าด้วยการปฏิวัติที่เกี่ยวขึ้นในฟาร์มสัตว์แห่งหนึ่ง อันนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ผู้ปกครองไม่สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างเป็นธรรม

The Hunt อาจจะไม่ได้จริงจังในเรื่องของประเด็นเรื่องของคนรวย คนจนมากนัก แต่สะกิดประเด็นให้คนดูได้หวนนึกถึงความอยุติธรรมและแทรกฉากแอ็คชั่นไล่ล่าให้บันเทิงสาแก่ใจแฟนคลับค่ายบลัมเฮาส์โปรดักชั่นนั่นเอง