รีวิวภาพยนต์เรื่อง Paper Lives


ภาพยนต์เรือง Paper Lives นั้นต้องบอกเลยว่าเป็นหนังดราม่าที่โครตสนุกและทำให้เรานั้นรู้สึกเข้าถึงตัวละครได้ดีจริงๆ การนำเสนอชีวิตของคนเก็บขยะ เหล่าคนไร้บ้าน ภาพสะท้อนของการใช้ความรุนแรงกับเด็ก ความเสื่อมโทรมของสังคมในย่านเล็กๆ ในภูมิประเทศที่สวยงามผ่านฉากต่างๆ ของเรื่อง แต่มันไม่ได้ทำให้รู้สึกประทับใจหรือซาบซึ้งกับช่วงเวลาเหล่านั้นเท่าที่ควร เพราะหลายๆ ช่วงเราจะรู้สึกถึงควาไม่ปกติของเหตุการณ์และตัวละครในเรื่องจนเราเริ่มเอะใจ และเดาตอนจบได้ในที่สุด แต่ถ้าใครที่อินกับดราม่าครอบครัว การเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีพ่อแม่ อะไรพวกนี้ อาจจะกินใจกับคนที่มีประสบการณ์ตรงนี้โดยตรงมากก็ได้ ถ้าใครชอบเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ หรือเสพบรรยากาศสวยๆ เรื่องนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้ดู

เมห์เม็ด หัวหน้าพนักงานโรงงานขยะ ที่คอยคุมเหล่าโฮมเลสในย่านเล็กๆ ให้ออกตระเวนเก็บขยะเพื่อมาส่งให้เขาขายแลกกับเงิน เมห์เม็ดสุขภาพไม่ค่อยดีเพราะเป็นโรคไต เขาจึงพยายามเก็บหอมรอมริบเงินที่ได้เพื่อใช้ในการรักษาตัวเอง แต่แล้ววันหนึ่งตอนเลิกงานนั้น กลับมีเด็กชายปริศนาชื่อว่า อาลี กระโดดออกมาจากรถเข็นเก็บขยะ เมห์เม็ดจึงต้องจำใจรับเลี้ยงเอาไว้แล้วสืบหาให้ได้ว่าเด็กคนนี้เป็นใคร เกิดอะไรขึ้นกับเขา ยิ่งเขารับเลี้ยงเด็กคนนี้ไปเท่าไหร่ มันก็เหมือนกับการเห็นภาพสะท้อนวัยเด็กของตัวเอง ทำให้ไม่ว่าจะยังไงเขาจะทุ่มสุดตัวเพื่อให้เด็กชายคนนี้มีความสุข

เนื่องจากว่าหนังเรื่องนี้เป็นแนวดราม่าชีวิต การดำเนินเรื่องแม้ว่าความยาวของหนังจะประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่เราก็ยังรู้สึกว่ามันดำเนินเรื่องช้ามากอยู่ดี ค่อยเป็น ค่อยไป แต่สิ่งที่ได้ทดแทนมาก็คืองานภาพที่ดูสวยมากของหนังเรื่องนี้ ดูเพลิน นำเสนอย่านเล็กๆ ที่เสื่อมโทรมและสวยงาม ทั้งกลางวันและกลางคืนของอิสตันบูลได้ดีมาก เช่นฉากตอนกลางคืนก็จะมีไฟ แสงสีเสียงจากร้านผับ บาร์ การจัดสีแทบจะเรียกได้ว่าออกแนวๆ ไซเบอร์พังค์ ก็ว่าได้ แสงนีออนฟ้าๆ ชมพูตัดกัน พอมาเป็นฉากตอนเช้าก็จะเป็นเหมือนกับเมืองที่มีตึกสวยๆ มีผ้าตากระโยงระยางบนตึก ต้องยอมรับคุณภาพของงานภาพเรื่องนี้จริงๆ

การดำเนินเรื่องจะไม่ได้มีฉากกดดันหรือเครียดตลอด จะสลับกับช่วงเวลาที่มีความสุข อย่างฉากกอนโซ คนสนิทของพระเอกที่เป็นคนเก็บขยะ ได้ไปเก็บขยะจากอีกย่านแล้วมันข้ามเขตกัน เลยเจอพวกโฮมเลสของอีกย่านไล่กวด แต่ก็หนีด้วยการแว้นรถเข็นขยะซอกแซกต่างๆ เป็นทริลเลอร์เล็กๆ ที่ดูสนุกและเพลินดี แต่พอถึงฉากกดดันหรือดราม่าบีบหัวใจ มันกลับทำให้เรารู้สึกสงสัยและตะหงิดๆ กับความไม่สมเหตุสมผลของตัวเด็กชายอาลีเอง จนทำให้เราเริ่มที่จะสงสัยในตัวเด็กชายคนนี้ จนไปถึงการเฉลยตอนจบที่ชวนหักมุมที่พอจะเดาได้ตั้งแต่แรก